ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีการสร้างรายได้แบบ passive income | ที่ยุคดิจิทัลต้องรู้

เขียน blog อย่างไรให้ได้เงิน | สร้างรายได้ด้วยการเขียน blog

 ในปัจจุบันนี้หลายคนอาจกําลังมองหาอาชีพเสริม หลายๆทั้งด้านการค้าขายต่างๆ หรือหางานเสริมอื่นๆที่ตัวเองถนัด แต่ในวันนี้เรามีอาชีพหนึ่งที่หลายๆคนอาจรู้จัก คือ blogger นั่นเอง

ซึ่งblogger คือนักเขียนblog เล่าเรื่องราวของตัวเองหรืออาจจะเขียนในเชิงธุรกิจ  สามารถสร้างรายได้ให้กับนักเขียนblogหลายๆคนเลยทีเดียว แต่การที่จะมีรายได้ในการเขียนนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานนิดนึงแล้วแต่บางคน ส่วนรายได้จากการเขียนblogนั้นมาจากทางไหนบ้างก็เช่น

1.Google Adsense   
เป็นบริการจาก Google ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีเว็บไซต์หรือบล็อกสามารถนำโฆษณาของ Google มาแสดงบนหน้าเว็บไซต์หรือบล็อกของตัวเองได้ และเมื่อมีคนอื่นๆเข้ามาค้นหา หรือ คลิกโฆษณาบนเว็บไซต์ คุณก็จะสามารถได้รายได้จากทาง Google นั่นเอง

2. Affiliate
เมื่อเราแปะลิงค์สินค้าจาก Affiliate ที่เราไปสมัคร
คนที่เข้ามาดูมาอ่านในบล็อกของเราก็จะเห็นและมีโอกาสซื้อสินค้าผ่านลิงค์ Affiliate ได้มากขึ้นด้วย

3. รับเขียนบทความลงในสื่อต่างๆ
รับเขียนบทความหรือรีวิวต่างๆเป็นการหาเงินอีกรูปแบบหนึ่งจากการเขียนที่ไม่จำเป็นต้องสร้างบล็อกขึ้นมา  โดยผู้จ้างจะขอร้องให้ผู้เขียนๆบทความตามหัวข้อหรือคีย์เวิร์ดที่ต้องการ  โดยจะนำเนื้อหาไปลงในสื่อต่าง ๆ ทั้ง บล็อก เว็บไซต์ เพจ Facebook  และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ซึ่งก็จะมีค่าตอบแทนให้ตามที่ได้ตกลงกันไว้

แล้วบล็อกยอดนิยมที่เปิดให้ใช้งานฟรี ก็อย่างเช่น

1. WordPress
เป็นบล็อกฟรีที่นักเขียนทั้งหลายนิยม ใช้งานมากที่สุดเป็นแพล็ตฟอร์มแรก ซึ่งข้อดีของ WordPress นั้นสามารถจดโดเมนของตัวเองได้        เหมาะสําหรับผู้ที่เขียนบล็อกมาระยะหนึ่ง และสามารถเข้าใจองค์ประกอบพอสมควร แต่ไม่เหมาะกับบล็อกเกอร์มือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้น

2. Blogspot 
เป็น blog ฟรีที่นักเขียนนิยมใช้งานกันพอสมควร เป็นบล็อกที่มี google เป็นเจ้าของ และ เป็นแพล็ตฟอร์มแรก ๆ ที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกับ WordPress ซึ่งข้อดีของ blogspot คือมีธีมสวย ๆ ให้เลือกมากมาย  การตั้งค่าหรือการใช้งานนั้นค่อนข้างง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ wordpress เหมาะสำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่พึ่งเริ่มต้น

3. Maggang
 เป็น blog ฟรีที่นิยม เขียนเพื่อหารายได้สําหรับนักเขียนมือใหม่หรือใครที่อยากจะหารายได้เสริมแนะนําเลยค่ะ สามารถเขียนบทความได้ในทุกๆแนวไม่จำกัด  และมีช่องทางการหารายได้ที่ชัดเจน ทั้งส่วนที่แบ่งให้กับ Maggang กับส่วนของนักเขียน เหมาะสำหรับนักเขียนทุกประเภท ที่อยากจะทําเป็นงานเสริมหรือหารายได้พิเศษ

4. Medium 
เป็นblog ที่นิยมมากที่สุดในต่างประเทศและทั่วโลก สามารถเขียนบทความและแชร์เรื่องราวได้ในทุกรูปแบบบทความ Medium นั้นเปิดให้ใช้บริการทั้งแบบฟรีและแบบเสียค่าสมาชิกรายเดือน เหมาะสำหรับ นักเขียนทุกประเภท ที่อยากแชร์เรื่องราวต่างๆ แต่ถ้าอยากเพิ่มความเป็นมืออาชีพ อาจจะต้องเสียค่าสมาชิกเล็กน้อย

5. Blockdit  
เป็นอีกแพล็ตฟอร์มหนึ่งของคนไทยที่นักเขียนนิยมมากที่สุด ส่วนมากจะเน้นในเรื่องของสาระความรู้มากกว่าความบันเทิง  และมีเอกลักษณ์แปลกตาไม่เหมือนใคร อีกอย่างข้อดีคือ นักเขียนสามารถหารายได้โดยมีผู้ติดตามถึง 1,000 คนขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือนักเขียนมืออาชีพ

6. Storylog 
เป็นblog ฟรียอดฮิตสําหรับคนที่ชอบเล่า เรื่อง เขียนบรรยายความรู้สึก หรือประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน เป็นที่นิยมของคนไทยที่ชอบเล่าเรื่องราวมากเลยทีเดียว ข้อดีคือ มีความเรียบง่ายน่าใช้
เหมาะสําหรับ ผู้ที่อยากเขียนเล่าเรื่องราว ประสบการณ์แบบง่าย ๆ ไม่เหมาะสำหรับ blogger ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างจริงจัง

7. Tumblr
เป็น blog ที่มีการนำลูกเล่นหลาย ๆ อย่างรวมเข้าไปอยู่ในบล็อกเดียว  อีกทั้งเรายังสามารถ reblog ข้อความของคนอื่นได้อีกด้วย ข้อดีคือ สามารถเขียนบทความเล่าเรื่องต่างๆ อัปโหลดวีดิโอ ไฟล์เสียง ลงภาพเคลื่อนไหว gif และภาพนิ่ง ได้ทั้งหมด
เหมาะสําหรับ คนทั่วไปที่อยาก เล่าเรื่องต่างๆ และชอบอัพโหลดรูปภาพ วิดิโอทั้งหมด

8. google sites  
เป็นเว็บไซต์ฟรี ซึ่งสามารถ สร้างเว็บไซต์ได้ง่าย เป็นพื้นที่กับผู้ใช้บริการในการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว ในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร  โดยไม่ต้องมีความรู้ HTML สามารถใส่รูปภาพ ข้อความได้ และกำหนดได้ว่าจะให้ใครเข้ามาดูได้บ้าง เหมาะสำหรับ คนทั่วไปที่อยากทําเว็บไซต์ฟรี เขียนบทความต่างๆลงในgoogle sites


แล้วเราจะเขียน blog อย่างไร ให้ติดการค้นหา และได้เงินล่ะ ต้องบอกเลยว่า การเขียนบล็อกนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักนิดนึง บางคนอาจจะต้องหาเวลาว่างหรือหลังเลิกงานมาเขียนบล็อก อาจจะต้องมีความอดทนมีความเพียรพยายามในการเขียนทุกๆวัน ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกเทคนิคคร่าวๆว่าจะเขียน blog อย่างไร ให้ติดการค้นหาและได้เงินก็คือ

1. เขียนบทความอย่างสมําเสมอ 
วิธีนี้เป็นวิธีแรกที่สําคัญที่สุด การเขียน เพื่อให้บล็อกของเรามีอะไรที่อัพเดทตลอดเวลาซึ่งในแต่ละเดือนอาจจะต้องเขียนบทความใหม่ๆ อย่างน้อย 5 – 10 บทความก็ยังดี

2. Content หรือคีย์เวิร์ด
Content ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ Content ที่ดีและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าติดตาม น่าค้นหาและสามารถทําให้บทความของเราติดอันดับในการค้นหาและสามารถสร้างรายได้ให้เราอย่างแน่นอน

3. หมั่นศึกษาหาความรู้และหมั่นฝึกฝนตัวเอง
 การที่เราเป็นนักเขียนบทความนั้นสิ่งที่ต้องมีก็คือ เราจะต้องพัฒนาและฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา หาข้อมูล และเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการเขียนเพื่อให้เรามีแนวเขียนไอเดียในการเขียน ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

4. ใช้ Google trend 
ในการใช้google trend ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้เราได้หาไอเดียหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อและคีย์เวิร์ดที่เราต้องการ ซึ่งเรายังสามารถเอาข้อมูลใน Google Trends มาใช้เพื่อช่วยให้ธุรกิจของเราดีขึ้นอีกด้วย

5. โปรโมทหรือแชร์เรื่องที่เราเขียนไปยังสื่อต่างๆ
แน่นอนว่าการจะสร้างรายได้จากการเขียนบล็อกเกิดจากจำนวณผู้อ่านที่เข้ามาอ่านบล็อกของเรา  ยิ่งคนเข้ามาอ่านเยอะๆก็จะยิ่งส่งผลให้รายได้ของเราเกิดขึ้นได้มาก การแชร์บทความที่เราเขียนก็จะมีหลายช่องทาง เช่น  การโพสต์ หรือ การแชร์ลงโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นต้น






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เคล็ด(ไม่)ลับ ที่จะทําอย่างไรให้ผมยาวเร็วภายในระยะเวลา 1 เดือน

  สาวๆหลายคนที่มีปัญหาผมยาวช้าหรือสาวๆบางคนที่กําลังไว้ผมสั้นตอนนี้อยากจะเปลี่ยนลุคไว้ผมยาวสลวยมีนํ้าหนักแบบเจ้าหญิงราพันเซล จะได้มัดใจหนุ่มๆทั้งหลายให้อยู่หมัด บอกเลยว่าเรามีเคล็ด(ไม่)ลับดีๆ ที่จะทําอย่างไรให้ผมยาวเร็วภายในระยะเวลา 1 เดือน ให้สาวๆมาฝากกันค่ะ  1.    ไข่ ต้องบอกก่อนว่าไข่มีโปรตีนสูงมากสามารถช่วยในการเร่งผมให้ยสวมเร็วขึ้นมีสารอาหารที่สําคัญต่อสุขภาพผม บอกได้เลยค่ะว่าถ้าหากเราได้กินอาหารที่เป็นโปรตีนสูงอย่างไข่ รับรองว่าสาวๆก็จะมีผมยาวสลวยอย่างเร็วที่สุดภายใน1-2 เดือน ค่ะ 2.    ถั่วลิสงและธัญพืชต่างๆ ภายในเมล็ดถั่วและธัญพืชไม่ว่าจะเป็นเมล็ดงา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทองพวกนี้เต็มไปด้วยสารอาหารที่เรียกว่า ไบโอติน ช่วยบํารุงผิว บํารุงสุขภาพผมทําให้เส้นผมแข็งแรง มีสุขภาพดี และก็ทําให้ผมยาวเร็วอีกด้วยค่ะ   3.    นมถั่วเหลือง  สําหรับสารอาหารที่บํารุงผมที่สาวๆขาดไม่ได้เลยก็คือ นมถั่วเหลือง นั่นเอง โดยภายในนมถั่วเหลืองนี้จะมีสารไอโซฟลาโวนจะเป็นสารอาหารที่ช่วยทําให้ผมยาวเร็วขึ้น และทําให้ผมแข็งแรงมีสุขภาพดี ดังนั้นแนะนําเลยค่ะ สําหรับสาวๆที่ต้องการเร่งผมยาวอย่างรวดเร็วภายใน1 เด

กล้วยด่างมีกี่สายพันธุ์ | ทําไมกล้วยด่างถึงมีราคาพุ่งถึงหลักแสน

 เทรนด์ต้นไม้ยอดฮิตในตอนนี้ที่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดก็ต้องยกให้เป็น "กล้วยด่าง" แล้วกล้วยด่างที่นิยมมากที่สุดมีกี่สายพันธุ์?|ทําไมกล้วยด่างถึงมีราคาพุ่งถึงหลักแสน? ต้องบอกก่อนเลยว่าต้นไม้ยอดฮิตที่มาแรงในเวลานี้ ต้องยกให้เป็นกล้วยด่าง แน่นอน เพราะว่านอกจากมีหลายสายพันธุ์ มีสีสันที่แปลกตา และลวดลายของใบที่สวยงามแล้ว ราคายังพุ่งสูงถึงหลักแสนกันเลยทีเดียว ซึ่งสายพันธุ์ของกล้วยด่างที่นิยมมากที่สุดมี 5 สายพันธุ์ คือ 1.  กล้วยด่างฟลอริดา เป็นไม้ล้มลุก ความสูงประมาณ 3-6 เมตร ไม่มีเนื้อไม้ ใบเดี่ยวรูปช้อน ปลายใบแหลมยาวมีติ่ง โคนใบมน ขอบเรียบ ใบสีเขียวมีด่างสีขาวหรือสีเหลืองตามแนวเส้นใบ ช่อดอกตั้ง แกนดอกสีเขียว มีกาบรองดอกสีเขียว 4-7 อัน เรียงเป็นสองแถวในแนวตั้งระนาบเดียวกัน  และมีลายเป็นเส้นสีขาวหรือสีเหลืองตามทางยาว นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอและเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำได้ดี 2.  กล้วยตานีด่าง ลำต้นเทียมสูงประมาณ 4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมมากกว่า 15 ซม. สีของกาบลำต้นเทียมด้านนอกสีเขียวเข้มมีเส้นริ้วด่างขาว มีปื้

เคล็ด(ไม่)ลับในการเพิ่มความจำ-ลดความเครียดก่อนสอบ

           ในสัปดาห์ที่ไกล้จะถึงวันสอบนั้นน้องๆนักเรียนนักศึกษาบางคนอาจจะเครียดที่อ่านหนังสือไม่ทันและอ่านแล้วจําไม่ค่อยได้หรือจะเกี่ยวกับปัญหาต่างๆก็แล้วแต่ วันนี้พี่จะมาแนะนําเคล็ดลับ ในการเตรียมตัวก่อนสอบเพื่อเพิ่มความจําและลดความเครียดลงได้ ✴️ มาดูเทคนิคในการเพิ่มความจำ-ลดความเครียดก่อนสอบ ที่ทําแล้วได้ผลกัน✴️ 1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีน ข้าวซ้อมมือ ขนมปังใบโฮลวีต นม ถั่ว และผักใบเขียว ทานอาหารให้ครบ5 หมู่ ไม่ควรเลี่ยงทานอาหารมื้อเช้า เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สําคัญในการเพิ่มความจำ   2. ออกกำลังกายวิธีนี้เป็นวิธีที่พี่ลองแล้วได้ผล เพราะว่าการออกกําลังกายนั้นสมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินช่วยลดความเครียดและความกังวลได้มาก แล้้วยังช่วยให้ความจําดีและ สดใสขึ้นอีกด้วย 3. นั่งสมาธิ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของความจํา ก่อนสอบเราอาจจะนั่งสมาธิสัก 10 นาที ก็ได้เพื่อให้สมองผ่อนคลายและมีสมาธิในการทําความเข้าใจกับข้อสอบมากยิ่งขึ้น        4. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าถึงเวลาไกล้จะสอบแล้วน้องๆนักเรียนนักศึกษาต้องอ่านหนังสือ